03/01/2561 14:03:11
บ้านโพนทอง
โพนทองในอดีต
เดิมอยู่ที่หนองบัวลำภู (ปัจจุบันเป็นจังหวัดแล้ว) เมื่อบ้านเมืองไม่สงบถูกรบกวนจากเจ้าเมืองเวียงจันทน์ จึงได้อพยพลงมาทางใต้ มาสร้างบ้านโพนทอง โดยยึดแม่น้ำชีเป็นหลัก เพื่อสะดวกในการทำมาหากิน นำโดยท้าวชา ภูวงษ์ ชาวโพนทองได้สร้างบ้าน สร้างวัด และสร้างหอไตร เพื่อเป็นอนุสรณ์ให้กับท้าวอัคฮาด โดยมี “หลวงปู่เงาะ” แตกฉานในพระไตรปิฎก มีชื่อเสียงโด่งดังมากจนมีผู้มาศึกษาเล่าเรียนฝากตัวเป็นศิษย์อยู่มิได้ขาด จึงได้ตั้งชื่อ วัดบ้านโพนทองว่า “วัดหอไตร”...(ประวัติบ้านโพนทอง) : ศรีจันทร์ ฉวีวงษ์
โพนทองยุคเริ่มพัฒนา
เมื่อปี พ.ศ. 2500 (กึ่งพุทธกาล) ได้มีคนดีมาเกิด ได้มีคนประเสริฐมาพัฒนาบ้านโพนทอง ท่านเจ้าคุณพระศรีธรรมโสภณ (ดร.ปรีชา พิณทอง) เป็นผู้นำฝ่ายสงฆ์ คุณปู่แสง ทีฆะสุข เป็นผู้นำฝ่ายฆราวาส ได้พัฒนาบ้านโพนทอง สร้างถนนจากถนนแจ้งสนิทถึงโพนทอง ตัดถนนใหญ่ในหมู่บ้านให้เป็นสัดส่วนตามแบบสากล สร้างโรงเรียนปริยัติธรรม สร้างโรงเรียนมัธยม สร้างสถานีอนามัย จนมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นแบบอย่างในการพัฒนาได้
โพนทองในปัจจุบัน
อาศัยพื้นฐานการพัฒนาที่มีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ได้มีการอัดลูกรังถนนทุกสายในหมู่บ้าน ได้มีการสร้างคลองส่งน้ำจากสถานีสูบน้ำด้วยพลังไฟฟ้า ที่แม่น้ำชีจัดองค์กรในหมู่บ้าน จนได้เป็นหมู่บ้านพัฒนาชนะเลิศระดับเขต (เขต 3) ได้โล่รางวัลชนะเลิศจาก พณฯ เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี เป็นเครื่องชี้บอก ถึงความสมัครสมานสามัคคี ของชาวโพนทองทุกคน ทั้งนี้โดยการนำของผู้ใหญ่ บ้านนักพัฒนา นายวิเชียร ศรีมากรณ์ หมู่ที่ 6 นายอ่อน เฉลียวพงษ์ หมู่ที่ 7 และนายจันทร์ พิณทอง หมู่ที่ 11
ปัจจุบันนี้บ้านโพนทอง มีสถานีสูบน้ำด้วยพลังไฟฟ้า 2 แห่ง ทั้งชีไหล และชีเฒ่า ปรับปรุงวัดโดยสร้างโบสถ์ และศาลาการเปรียญใหม่ สร้างเมรุพร้อมศาลาพักศพ สร้างหอไตรใหม่จากหลังเก่าเป็นเรือนไม้เป็นคอนกรีต จังเป็นที่ประจักษ์ชัดว่า ได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ไม่ขาดสายโดยการนำของ นายคำมั่น อนุพันธ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 6 นายวิชิต เดชพันธ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 7 นายสุพนธ์ แสวงสาย ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 11 นายสมบูรณ์ เฉลียวพงษ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 12
บ้านโพนทองในฝัน (อนาคต)
อยากมีถนนคอนกรีตในหมู่บ้าน มีสนามกีฬาไว้ออกกำลังกาย มีสวนหย่อมไว้ชมและอวดแขก มีแหล่งงานที่มีรายได้ดี เพื่อไม่ให้ชาวโพนทองต้องเร่ร่อนไปต่างถิ่น มีแหล่งงานที่มีรายได้ดี เพื่อไม่ให้ชาวโพนทองต้องเร่ร่อนไปต่างถิ่น และต้องการมากที่สุดก็คือ อยากให้ทุกคนมีความจริงใจ มีความรักความเห็นใจกันและกันตลอดไป